หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สารคดี The genius of invention(BBC)



# Genius of Invention 


เป็นสารคดีของBBC เล่าถึงต้นกำเนิดต่างๆ ของสิ่งประดิษฐ์ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันกัน โดย

Michael Mosley และทีมงานได้เลือกสิ่งประดิษฐ์ 12 ชิ้น และศึกษาว่ามีส่วนในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเราไปอย่างไร พร้อมทั้งอธิบายสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ว่าถือกำเนิดมาได้อย่างไร ตั้งแต่จุดกำเนิดความคิดไปจนถึงการพัฒนาในโรงงานผลิต และเรื่องราวที่แท้จริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้

แล้วไปทราบถึงการเชื่อมโยงของเหตุการณ์ต่างๆ 

Halloween👿👿


รู้จักความหมายของ "ฮาโลวีน"  

          ใน คริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eves ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำว่า Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำว่า Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่าๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)  

          คำว่า Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ ดังนั้น All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง   

          วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Christmas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไป หลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day) 


ความเป็นมาของวันฮาโลวีน 

          วันฮาโลวีนของทุกปี จะตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม เชื่อว่ามีที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์ (Celt) ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่เรียกว่า Samhain ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม ชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นวันขึ้นปีใหม่  

          ซึ่ง ในวันที่ 31 ตุลาคมนี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย และยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดัง เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป   

          นอกจากนี้คืนดังกล่าวยังเป็นคืนเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจมีการนำสัตว์ หรือพืชผลมาบูชายัญให้กับเหล่าภูติผี และวิญญาณด้วย หลังจากคืนนั้นไฟทุกดวงจะถูกดับ และจุดขึ้นใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์  

          บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์ แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน   

          ใน สมัยต่อชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลอง ของกลุ่มชนนอกศาสนาคริสต์เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 จึงได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมหรือ Hallow´s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween  

          กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนจึงกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป 


จากอังกฤษสู่อเมริกา  

          เดิมเทศกาลฮาโลวีนจัดขึ้นในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ และประเทศข้างเคียงเท่านั้น แต่เมื่อชาวไอริช และชาวสกอตอพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกา ในช่วงทศวรรษที่ 1840 ก็นำเอาประเพณีนี้ไปปฏิบัติด้วย ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนทุกวันนี้ 
กิจกรรมในวันฮาโลวีน   

          การฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร แคนาดา และยังมีในออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ด้วย รวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน ในประเทศทางตะวันตก เด็กๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลอง เรียกว่า การเล่น Trick or Treat (หลอกหรือเลี้ยง) คือการเดินเคาะประตูขอขนมตามบ้าน 

          เคล็ดอีกอย่างหนึ่งของเทศกาลฮาโลวีน นอกจากเคาะประตูขอขนมตามบ้านต่างๆ แล้ว ยังมีการนำ แอปเปิ้ล กับเหรียญชนิดหกเพ็นซ์ใส่ลงในอ่างน้ำหากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ ออกจากกันได้ด้วยการใช้ปากคาบเหรียญขึ้นมา และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิ้ลให้ติดเพียงครั้งเดียวถือว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปี ใหม่ที่กำลังมาถึง  

          ทาง ด้านสาวอังกฤษสมัยก่อนจะออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านชนิดหนึ่งในยามเที่ยง คืนของวันฮาโลวีน พร้อมกับเสี่ยงสัตย์อธิษฐานด้วยการท่องคาถาว่า "เจ้าเมล็ดป่านที่ข้าหว่านจงช่วยบันดาลให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของข้าปรากฎตัวให้เห็น" หลังจากนั้นลองเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของตนเองดู ก็จะได้เห็นนิมิตเรือนร่างของผู้ที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของตน (นี่คือความเชื่อของสาวๆ อังกฤษ) 


อันตรายจากอาหารเสริม

     ทุกวันนี้เราได้เห็นอาหารเสริมหลากประเภทหลากยี่ห้อวางขายอยู่ตามท้องตลาด ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยี 3G (ในประเทศไทย) จนเดี๋ยวนี้ 4G ก็กำลังมาแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเหล่านี้ ก็ยิ่งมีช่องทางทำการตลาดอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะโฆษณาถึงสรรพคุณที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายส่วนต่างๆของเรา จนบางครั้งก็อดนึกเล่นๆไม่ได้ว่าแทบจะกินแทนข้าวได้เลยทีเดียว

         ซึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์ของอาหารเสริมก็มีอยู่มากจริงๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับการกินในชิวิตประจำวันที่ไม่ได้เน้นกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่มีคุณก็ต้องมีโทษบ้างในกรณีที่กินอาหารเสริมมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ หรือพูดง่ายๆคือมากเกินความจำเป็น ก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของเราได้ วันนี้มีโทษที่เกิดจากการกินอาหารเสริมมาฝากกัน
  • อาหารเสริมวิตามินที่ก่อให้เกิดมะเร็ง  วิตามินซี (หากกินมากเกิน 1,000 มิลลิกรัม/วัน) แคลเซียม  (หากกินมากเกิน 1,500 มิลลิกรัม/วัน) ธาตุเหล็ก (หากกินมากเกิน 17 มิลลิกรัม/วัน)
  • อาหารเสริมวิตามินที่ทำให้สูญเสียความรู้สึกมือและเท้า  วิตามินB6  (หากกินมากเกิน 10 มิลลิกรัม/วัน)
  • อาหารเสริมวิตามินที่ทำให้เกิดพิษในร่างกาย วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน
  • อาหารเสริมวิตามินที่ขัดขวางการดูดซึมทองแดงสังกะสี
  • อาหารเสริมที่สะสมทำให้เกิดโรคนิ่ว  แคลเซียม
  • อาหารเสริมที่ทำให้เสี่ยงต่อภาวะโรคหัวใจ  อาหารเสริมโปรตีน
  • อาหารเสริมที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเก๊าท์ สาหร่ายสไปรูไลน่า
  • อาหารเสริมที่ทำให้เลือดกำเดาไหลไม่หยุด  น้ำมันปลา
          จากตัวอย่างข้างต้นก็ทำให้เห็นว่าหากกินอาหารเสริมมากเกินความจำเป็น ก็จะส่งผลเสียให้กับร่างกายของเราได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อเลือกใช้อาหารเสริมในแต่ละครั้งควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนทั้งเรื่องของสรรพคุณ และปริมาณที่ควรจะได้รับในแต่ละวัน ว่าเหมาะสมกับตัวเรามากน้อยแค่ไหน จะได้สามารถได้รับประโยชน์จากอาหารเสริมได้อย่างสูงสุดโดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สุดท้ายนี้การกินอาหารครบ 5 หมู่และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของเราได้ดีที่สุด