เกมกระดานทั้งสองนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อต้นทศวรรษที่
๑๙๓๐
โดยมิได้เป็นช่องทางหารายได้ของผู้ประดิษฐ์คิดค้น
แต่คิดขึ้นเพื่อเล่นฆ่าเวลาในช่วงตกงานเท่านั้น
“ชาร์ลส์
บี
แดร์โรว์” วิศวกรว่างงานจากเมืองเจอร์มันทาวน์รัฐเพนซิลเวเนีย
คิดประดิษฐ์เกมเดิมพันสูงเกี่ยวพันกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
โดยให้ชื่อว่า
“เกมเศรษฐี”
(Monopoly) ในท่ามกลางภาวะข้าวยากหมากแพงของช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
(The
Great Depression ค.ศ.
๑๙๒๙-๑๙๔๐)
ในสหรัฐอเมริกา
ด้วยสภาพทางการเงินที่อัตคัดขัดสนกับสภาพจิตใจที่ละห้อยละเหี่ยในแต่ละวัน
แดร์โรว์ใช้เวลาหลายๆ
ชั่วโมงหมดไปกับการคิดค้นเกมกระดานสนุกๆ
เพื่อไม่ให้ตัวเองว่างจนเกินไป
เงินทองที่หาได้ยากเหลือเกินในชีวิตจริงกลับเป็นที่มาของการกำหนดให้การได้เงินจำนวนมหาศาลมาอย่างง่ายดายเป็นลักษณะเด่นของเกม
ส่วนการล้มละลายของธุรกิจกับการยึดทรัพย์สินติดจำนองที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันในหน้าหนังสือพิมพ์
ก็เป็นที่มาของ
“โฉนด” “โรงแรม” และ
“บ้าน” ในเกมของแดร์โรว์
ซึ่งได้มาและเสียไปในชั่วพริบตาจากผลของการทอดลูกเต๋าในแต่ละคราว
วันหนึ่งในปี ค.ศ.
๑๙๓๓
ความคิดเรื่องเงินที่ได้มาอย่างง่ายดายและกรรมสิทธิ์ที่หลุดมือไปอย่างรวดเร็วเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างชัดเจน
เมื่อแดร์โรว์หวนรำลึกถึงคืนวันอันสดใสในอดีตเมื่อเขาไปพักร้อน
ณ
เมืองแอตแลนติกซิตี
รัฐนิวเจอร์ซี
ถนนสายสำคัญตลอดจนย่านการค้าชั้นนำในเมืองตากอากาศนี้
ได้ถูกจำลองมาไว้บนแผ่นกระดานของเกมเศรษฐี
เพื่อนและครอบครัวของแดร์โรว์ชอบเล่นเกมนี้มาก
ในปีค.ศ.
๑๙๓๔
พวกเขาชักชวนให้แดร์โรว์นำเกมนี้ไปขายให้แก่บริษัทพี่น้องปาร์กเกอร์
ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเกมต่างๆ
ในรัฐแมสซาชูเซตส์
แต่เมื่อผู้บริหารของบริษัทฯ
ทดลองเล่นเกมเศรษฐีดูก็ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
โดยให้เหตุผลว่าเกมของแดร์โรว์น่าเบื่อ
ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
แถมกติกาการเล่นยังยุ่งยากซับซ้อนเกินไป
อย่างไรก็ดีแดร์โรว์ยังไม่หมดหวัง
เพราะผู้บริหารห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในรัฐฟิลาเดลเฟียสนุกกับเกมของเขามาก
และสั่งซื้อเกมเศรษฐีมาจำหน่ายในห้างทันทีด้วยเงินทุนก้อนหนึ่งที่หยิบยืมจากคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงแดร์โรว์ได้ผลิตและจัดส่งเกมเศรษฐีจำนวน
๕,๐๐๐
ชุดไปจำหน่ายยังห้างดังกล่าว
เมื่อบริษัทพี่น้องปาร์กเกอร์ทราบว่าเกมของแดร์โรว์ขายหมดอย่างรวดเร็ว
จึงนำเกมมาทดลองเล่นอีกครั้งและได้ข้อสรุปใหม่ว่า
เกมเศรษฐีกอปรด้วยจินตนาการสร้างสรรค์
ดำเนินไปอย่างรวดเร็วทันใจ
แถมยังเล่นง่ายอีกด้วย
เกมเศรษฐีได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ในปี
ค.ศ.
๑๙๓๕
และในไม่ช้าโรงงานของบริษัทพี่น้องปาร์กเกอร์ก็ผลิตเกมเศรษฐีออกสู่ตลาดถึง
๒๐,๐๐๐
ชุดต่อสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม
ทางบริษัทฯ
เชื่อว่าเกมเศรษฐีเจาะเฉพาะตลาดผู้ใหญ่เท่านั้น
และคงฮิตอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ
ไม่เกิน
๓
ปี
ดังนั้นพอถึงปลายปี
ค.ศ.
๑๙๓๖
จอร์จ
ปาร์กเกอร์
ประธานบริษัทฯ
จึงได้มีคำสั่งให้หยุดการผลิตกระดานและชิ้นส่วนอื่นๆ
ของเกมเศรษฐี
“เพื่อป้องกันการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นจากยอดขายที่อาจตกลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้” ปรากฏว่ายอดขายของเกมเศรษฐีไม่ตกลงเลยแม้แต่น้อย
และชาร์ลส์
แดร์โรว์
วิศวกรตกงานก็กลายเป็นมหาเศรษฐีจากเงินค่าธรรมเนียมที่บริษัทผู้ผลิตจ่ายให้ในฐานะผู้ประดิษฐ์คิดค้น
เกมเศรษฐีได้รับความนิยมใน
๒๘
ประเทศ
และผลิตต่อมาถึง
๑๙
ภาษา
เกม
“นายทุน” นี้ยังนิยมเล่นกันแม้ในประเทศคอมมิวนิสต์
เช่นอดีตสหภาพโซเวียตอีกด้วย
ทุกวันนี้เกมเศรษฐีครองอันดับขายดีที่สุดยาวนานที่สุดในศตวรรษนี้
“อัลเฟรด
บัดส์” ผู้คิดประดิษฐ์เกมต่อคำสแครบเบิล
ก็เป็นคนว่างงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำเช่นเดียวกับชาร์ลส์
แดร์โรว์
บัดส์ดัดแปลงเกมของเขาจากความคลั่งไคล้ในปริศนาอักษรไขว้
และให้ชื่อว่า
“คริสครอส” (Criss
Cross) เมื่อแรกกำเนิดในปี ค.ศ.
๑๙๓๑
เกมคริสครอสประกอบด้วยเบี้ยสี่เหลี่ยมทำด้วยไม้
๑๐๐
ชิ้น
ทุกชิ้นเขียนพยัญชนะไว้หนึ่งตัว
บัดส์ต้องใช้เวลาเกือบ
๑๐
ปี
กว่าจะพัฒนากติกาการเล่นที่สมบูรณ์แบบ
และกำหนดค่าคะแนนของพยัญชนะแต่ละตัวซึ่งคำนวณจากโอกาสมากน้อยในการใช้
อย่างไรก็ตามบัดส์ไม่รีบร้อน
เพราะคริสครอสเป็นเกมกระดานที่เล่นกันสนุกๆ
เฉพาะสมาชิกในครอบครัวและมิตรสหายเท่านั้น
เพื่อนของเขาคนหนึ่งชื่อ
“เจมส์
บรูโนต์” ชาวเมืองนิวตัน
รัฐคอนเนกติกัต
มั่นใจว่าเกมของบัดส์ขายได้อย่างแน่นอน
จึงชักชวนให้บัดส์จดลิขสิทธิเกมของเขาในชื่อ
“สแครบเบิล”
(Scrabble) ในปี ค.ศ.
๑๙๔๘
ในการทดลองเล่น
บริษัทผู้ผลิตเกมเซลโคว์และไรท์เตอร์พอใจกับเกมต่อคำนี้มาก
อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯ
ประเมินว่าสแครบเบิลน่าจะเป็นที่นิยมในช่วงเวลาไม่เกิน
๒
ปี
แต่ผิดถนัดสแครบเบิลได้กลายเป็นเกมกระดานที่ขายดีตลอดกาลในสหรัฐอเมริกา
ครองอันดับสองรองจากเกมเศรษฐี
สแครบเบิลได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ
กว่า
๖
ภาษา
ทั้งยังผลิตออกมาในรูปอักษรเบรลสำหรับคนตาบอดด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น