หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

9 สุดยอดพิพิธภัณฑ์ของโลก

9 สุดยอดพิพิธภัณฑ์ของโลก


การเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่นอกจากคุณจะได้เก็บภาพสวย ๆ ของสถาปัตยกรรมสุดอัศจรรย์แล้ว พิพิธภัณฑ์ยังเก็บรวบรวมศิลปะ และองค์ความรู้ต่าง ๆ ไว้ให้ผู้มาเยือนได้ศึกษาอีกด้วย ครั้งนี้เราจะพาไปดูพิพิธภัณฑ์ 9 แห่งของโลก ที่ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่และทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจทุกครั้งที่ได้มาเยือน ดังนี้




พิพิธภัณฑ์ ซัลวาดอร์ ดาลี่


1. พิพิธภัณฑ์ ซัลวาดอร์ ดาลี่
 ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก รัฐฟลอริด้า สหรัฐฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่จัดแสดงงานของ ซัลวาดอร์ ดาลี่ โดยเฉพาะ โดยผลงานที่เขาสร้างสรรค์แต่ละชิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นงานศิลปะที่งดงาม และทำให้ผู้คนประทับใจมาแล้วนับไม่ถ้วน ผลงานที่โด่งดังมากที่สุด ได้แก่ Saint John of the cross และผลงานชุด Crucifixion




พิพิธภัณฑ์นานาชาติ แม็กซ์ซี่


2. พิพิธภัณฑ์นานาชาติ แม็กซ์ซี่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี พิพิธภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นพื้นที่ที่ใช้จัดแสดงงานศิลปะแห่งศตวรรษที่ 21 พิพิธภัณฑ์นี้เป็นที่เลื่องลือเรื่องการออกแบบเป็นอย่างมาก 




พิพิธภัณฑ์ Guggenheim


3. พิพิธภัณฑ์ Guggenheim
 นิวยอร์ค สหรัฐฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงคอลเลคชั่นของนักเขียนภาพสมัยต่าง ๆ รวมไปถึงเป็นสถานที่แสดงนิทรรศการต่าง ๆ ของชาวอเมริกันอีกด้วย




พิพิธภัณฑ์ Centre Pompidou


4. พิพิธภัณฑ์ Centre Pompidou กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงปารีส จัดแสดงศิลปะร่วมสมัย ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นศูนย์รวมความรู้มากมาย เช่น หอศิลป์ ข้อมูลทางศิลปะและดนตรี หอสมุด เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวโลก




พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดนเวอร์


5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดนเวอร์ โคโลราโด สหรัฐฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงคอลเลคชั่นศิลปะสไตล์อเมริกันอินเดียน ซึ่งมีให้ชมมากกว่า 68,000 ชิ้นจากทั่วโลก




พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario


6. พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา รวบรวมอารยธรรมของโลกและประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ ภายในมีการจัดแสดงโครงกระดูกของสัตว์ต่าง ๆ และข้าวของเก่าเก็บจากทั่วโลก




พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario


7. พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Niterói 
ในริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลในริโอเดจาเนโร ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดี ดึงดูความสนใจของนักท่องเที่ยวได้ดีเลยทีเดียว เนื่องจากนอกจากจะได้ชมศิลปะร่วมสมัยแล้วก็ยังไม่ชมวิวทิวทัศน์โดยรอบอีก ด้วย




พิพิธภัณฑ์ Palace of Fine Arts


8. พิพิธภัณฑ์ Palace of Fine Arts ใน ซานฟรานซิลโก สหรัฐฯ พิพิธภณฑ์ทางศิลปะ ที่ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่ด้านศิลปะเท่านั้น เพราะด้วยที่ตั้งที่อยู่ริมน้ำ ทำให้ Palace of Fine Arts ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปมาก ๆ โดยแต่ละปีจะมีคู่บ่าวสาวมาถ่ายรูปแต่งงานเป็นจำนวนมาก




พิพิธภัณฑ์ City of Arts and Sciences


9. พิพิธภัณฑ์ City of Arts and Sciences 
ที่วาเลนเซีย ประเทศสเปน เป็นพิพิธภัณฑ์ความรู้ทางวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ ภายในมีโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์สำหรับแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับโลกและสิ่งมีชีวิต บนโลก ที่ทำให้ผู้คนที่มาเยือนประทับใจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เวสต์มินสเตอร์ (City of Westminster)

นครลอนดอน มหานครที่ถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) หรือชื่อโดยย่อว่า สหราชอาณาจักร อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของอังกฤษ และสหราชอาณาจักร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป 



      "นครเวสต์มินสเตอร์" 

      สำหรับนักท่องเที่ยวหลายคนที่มีโอกาสได้มายลโฉมนครลอนดอน แน่นอนว่าทุกๆคนล้วนแล้วแต่ต้องตกหลุมรักมหานครแห่งแสงสีแห่งนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ http://travel.thaiza.com/ จึงขอพาคุณไปสัมพัสเสน่ห์แห่งลอนดอนกันที่ "นครเวสต์มินสเตอร์" (City of Westminster) จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงลอนดอน เป็นนครของลอนดอนที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของนครลอนดอนและเหนือฝั่งแม่น้ำเทมส์ และเป็นส่วนหนึ่งของใจกลางลอนดอน โดยอาณาบริเวณของนครเวสต์มินสเตอร์รวมทั้งบริเวณเวสต์เอ็นด์เกือบทั้งหมดและเป็นที่ตั้งของรัฐบาลของสหราชอาณาจักร, พระราชวังเวสต์มินสเตอร์, พระราชวังบัคคิงแฮม, พระราชวังไวท์ฮอลล์ และ Royal Courts of Justice นครเวสต์มินสเตอร์มีเนื้อที่ทั้งหมด 21.48 ตารางกิโลเมตร 



      "พระราชวังเวสต์มินสเตอร์" 

      สำหรับการท่องเที่ยวในเขตนครเวสต์มินสเตอร์นั้น สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆที่คุณจะต้องไม่พลาดไปเยือนเป็นอันดีบแรก คือ การไปชมความงดงามของ "พระราชวังเวสต์มินสเตอร์" (Palace of Westminster) หรือ ตึกรัฐสภาเวสต์มินสเตอร์ (Houses of Parliament) เป็นสถานที่ที่สภาสองสภาของรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของแม่น้ำเทมส์ไม่ไกลจากพระราชวังไวท์ฮอลล์ 


      "พระราชวังเวสต์มินสเตอร์" 

      พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ สร้างในปี ค.ศ. 1016 มีห้องทั้งหมดด้วยกันประมาณ 1,100 ห้อง, 100 บันได และ ระเบียงยาวรวมทั้งหมดประมาณ 4.8 กิโลเมตร ตัวสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ก็ยังมีส่วนก่อสร้างเดิมเหลืออยู่บ้างเล็กน้อยรวมทั้งท้องพระโรงที่ในปัจจุบันใช้ในงานสำคัญๆ เช่นการตั้งศพของบุคคลสำคัญก่อนที่จะนำไปฝัง และหออัญมณี (Jewel Tower) 


      "พระราชวังไวท์ฮอล"(ปัจจุบัน Horse Guards Parade) 

      หลังจากนั้นขอแนะนำให้คุณไปเยือน "พระราชวังไวท์ฮอล" (Palace of Whitehall) (ปัจจุบัน Horse Guards Parade)พระราชวังที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ทั้งหมด 23 เอเคอร์ (9.3 เฮ็คตาร์) เป็นที่ประทับหลักของพระมหากษัตริย์อังกฤษในลอนดอนระหว่าง ค.ศ. 1530 - ค.ศ. 1698 ยกเว้นเมื่อตึกเลี้ยงรับรอง (Banqueting House) ที่สร้างโดยอินิโก โจนส์ (Inigo Jones) ในปี ค.ศ. 1622 ได้เกิดเพลิงไหม้และก่อนที่ไฟจะไหม้พระราชวังไวต์ฮอลเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ประกอบด้วยห้องทั้งหมดกว่า 1,500 ห้อง อีกทั้งชื่อของวังใช้เป็นชื่อถนนที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริหารต่างๆ ของรัฐบาลอังกฤษ 



      "พระราชวังบักกิงแฮม" 

      ต่อมาขอแนะนำให้คุณไปเยือน "พระราชวังบักกิงแฮม" (Buckingham Palace) เดิมชื่อ คฤหาสน์บักกิงแฮม เป็นพระราชวังที่เป็นที่ประทับเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ เป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการเลี้ยงรับรองของรัฐและยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญที่หนึ่งของกรุงลอนดอน และยังเป็นที่รวมพลังใจทั้งในการฉลองและในยามคับขันของชาวอังกฤษ 



      "สวนสาธารณะเซนต์เจมส์" 

      จากนั้นขอแนะนำให้คุณมุ่งหน้าไปสู่ "ย่านเซนต์เจมส์" (St. James) คือ คืออีกหนึ่งย่านที่สำคัญของนครเวสต์มินสเตอร์ เป็นย่านท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองและล้อมรอบด้วยพื้นที่อนุรักษ์ในทุกๆด้าน โดยจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของย่านคือ พระราชวังเซนต์เจมส์ (Tudor palace of St James's) พระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดพระราชวังหนึ่งในกรุงลอนดอนในสหราชอาณาจักร สร้างโดยสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8บนที่เดิมเป็นโรงพยาบาลคนโรคเรื้อนที่อุทิศให้แก่นักบุญเจมส์ ลูกของอัลเฟียส 

      สุดท้ายขอแนะนำให้คุณไปเยือน "สวนสาธารณะเซนต์เจมส์" (St. James's Park) สวนสาธารณะขนาด 58 เอเคอร์ในเวสต์มินสเตอร์ ใจกลางกรุงลอนดอน อีกทั้งยังเป็นสวนสาธารณะที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในบรรดาอุทยานหลวงแห่งลอนดอนอีกด้วย...โดยสวนตั้งอยู่ในส่วนทิศใต้สุดของย่านเซนต์เจมส์ ซึ่งตั้งชื่อตามโรงพยาบาลโรคเรื้อนที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ St. James the Less สวนสาธารณะเซนต์เจมส์ล้อมรอบด้วย พระราชวังบัคกิงแฮมทางทิศตะวันตก เดอะ มอลล์และพระราชวังเซนต์เจมส์ทางทิศเหนือ กองทหารม้ารักษาพระองค์ทางทิศตะวันออก และ Birdcage Walkทางทิศใต้ 


      "สวนสาธารณะเซนต์เจมส์" 

      นอกจากนี้แล้วภายในสวนมีทะเลสาบขนาดเล็กที่ชื่อว่าทะเลสาบสวนเซนต์เจมส์ มีเกาะอยู่สองเกาะ ได้แก่ เกาะดั๊ก (Duck Island) (ตั้งชื่อตามฝูงนกน้ำในทะเลสาบ) และเกาะตะวันตก จากสะพานที่ทอดข้ามทะเลสาบจะมองเห็นทิวทัศน์ของพระราชวังบัคกิงแฮมผ่านแมกไม้และน้ำพุและทิวทัศน์ของอาคารหลักของ Foreign and Commonwealth Office ทางทิศตะวันออก 

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

20 อันดับ โบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก

20 อันดับ โบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก

         “สึนามิ” “แผ่นดินไหว” ทำเอาทุกข์หนัก จะมาไม่มา จะเกิดไม่เกิด พักเรื่องหวั่นวิตก หันหน้าเข้าวัดเข้า “โบสถ์” สถานแห่งการสงบจิตสงบใจกันบ้างก็ดี แม้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการรู้จักสะกดอารมณ์ข้างใน แต่คำว่า “บรรยากาศพาไป” ก็ยังมีส่วนเสมอ ยิ่งสถานแห่งธรรมสวยสดงดงามแค่ไหน ก็ยิ่งดึงดูดให้เราเข้าไปสัมผัสวิธีแห่งการเจริญภาวนามากขึ้นเท่านั้น แอบตะลึงงัน กับ 20 อันดับ โบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก

Beautiful Church In Shoreline Connecticut, USA 
Beautiful Church In Shoreline Connecticut, USA



A Church In Reykjavík, Iceland  
A Church In Reykjavík, Iceland


A Church In Copenhagen, Denmark  
A Church In Copenhagen, Denmark

 A Church In Limassol, Cyprus    
A Church In Limassol, Cyprus


Church of Saint Gregory of Neocaesarea in Moscow   
Church of Saint Gregory of Neocaesarea in Moscow


A Church In Kerala, India   
 A Church In Kerala, India



 A Church In Old Florida, USA   
A Church In Old Florida, USA


A Church In Old Boston, Massachusetts   
 A Church In Old Boston, Massachusetts


Chaengwattana Community Church In North Bangkok   
Chaengwattana Community Church In North Bangkok


A Church In Kizhi, Russia    
A Church In Kizhi, Russia


A Church In New Mexico, USA    
A Church In New Mexico, USA


 A Church In Goa, India   
 A Church In Goa, India


A Church In Steinhausen, Germany   
A Church In Steinhausen, Germany


 A Church In Reykjavik, Iceland   
A Church In Reykjavik, Iceland


 Three Kings Church In Frankfurt, Germany    
Three Kings Church In Frankfurt, Germany



A Church In St. Casimir, Vilnius, Lithuania   
 A Church In St. Casimir, Vilnius, Lithuania


Riddarholm Church In Sweden    
Riddarholm Church In Sweden



Temple Church in North Dublin, Ireland   
Temple Church in North Dublin, Ireland



A Wonderful Church In  Moscow   
A Wonderful Church In Moscow


Russian Orthodox Church of the Nativity, Erie, Pennsylvania   
Russian Orthodox Church of the Nativity, Erie, Pennsylvania


———————————————–

การทักทายของแต่ละประเทศ

การทักทายของแต่ละประเทศ

      เมื่อเราพบผู้อื่น มารยาทพื้นฐานที่ต้องแสดงคือการทักทาย การทักทายของชนชาติต่างๆล้วนมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน และเพราะวัฒนธรรมในแต่ละประเทศแตกต่างกัน วิธีทักทายจึงแตกต่างด้วย ดังนั้นหากไม่เข้าใจวิธีทักทายของกัน ก็อาจทำให้เข้าใจผิดได้
เริ่มจาก
อิตาลี กอดพร้อมตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ 

เซเนกัล ชนเผ่าโวลอฟ ค้อมตัวลงแล้วนำหลังมือของผู้อาวุโสมาแตะหน้าผากตัวเอง 

แทนซาเนีย ห้ามมองหน้าอีกฝ่ายและต้องคุกเข่าลงพร้อมตบมือขณะทักทายผู้อาวุโส 

เคนยา บ้วนน้ำลายตัวเองบนฝ่ามือของอีกฝ่าย เพื่ออวยพรให้โชคดี 

อินเดีย พนมมือและโค้งตัวเล็กน้อยเวลาทักทายผู้อาวุโสหรือแขก 

นิวซีแลนด์ ชนเผ่าเมารี เอาจมูกแตะกันและครึงเล็กน้อย 

ทิเบต ดึงหูทั้งสองข้างของตัวเองไว้พร้อมแลบลิ้น 

อาร์เจนตินา หอมแก้มกันและทำเสียง"จุ๊บ"เวลาทักทาย 

บราซิล ชนพื้อเมืองในบราซิลจะใช้ใบหน้าและส่วนอกสัมผัสกันพร้อมหอมแก้ม 

สหรัฐอเมริกา หอมแก้มกันเมื่อทักทายเพื่อนหรือคนในครอบครัว 

อะแลสกา ชนเผ่าเอศกิโมเอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพและการต้อนรับ 

เกาหลี ผู้อ่อนวัยจะคุกเข่าและก้มศีรษะคำนับผู้อาวุโส 

อินเดียเหนือ ชาวลาดัก ทักทายโดยยกมือขวาขึ้น 

อิรัก  ทักทายหญิงสาวที่ใส่ผ้าคลุมหน้าโดยใช่ฝ่ามือทาบที่หน้าอกตัวเอง   สำหรับหญิงสาวที่ไม่ใส่ผ้าคลุมหน้าใช่การจับมือ 

วิธีทักทายที่นิยมใช้มากที่สุดก็คือการจับมือ



ฝรั่งเศส จะพูดว่า "บงชูร์" แนบแก้มกับแก้มของอีกฝ่ายและทำเสียงจุ๊บ 

อินเดียเหนือ จะพูดว่า "ชู-เลย" ชาวลาดักไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่จะยกมือขวาขึ้นสูง 

อินเดีย จะพูดว่า"นะมัสเต" พนมมือสองข้างและโค้งตัวเล็กน้อย 

ชนเผ่าฮาวาย จะพูดว่า "อะโลฮา" ชูนิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยส่ายไปมาในการทักทายเพื่อน 

สหรัฐอเมริกา จะพูดว่า"ไฮ" ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนใช่การจับมือ 

ชนเผ่าเอสกิโม จะพูดว่า"อัลละคุต" เอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กน้อย 

จีน จะพูดว่า"หนีห่าวมา" จับมือพร้อมส่งเสียงทักทาย