หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

12 ดินแดนมหัศจรรย์จากทั่วโลกที่คุณเห็นแล้วจะต้องทึ่ง!! ตอนที่5

ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม – ประเทศนิวซีแลนด์
    ใครว่าน้องหนอนน่ากลัว อยากให้คิดซะใหม่! เพราะหนอนเรืองแสงก็สวยได้อย่างที่นี่ไงคะ ‘ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม’ (Waitomo Glowworm Caves) หรือ‘ถ้ำหนอนเรืองแสง’ สถานที่เที่ยวบนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1887 โดยชาวอังกฤษและชาวมารี จนความงามแพร่กระจายปากต่อปาก จนปัจจุบันนี้ผู้คนหลั่งไหลกันมาชมอย่างไม่ขาดสาย
    ภายในมีอยู่ 3 ถ้ำคือ Ruakuri Cave, Aranui Cave และ Gardner’s Gut ทั้งหมดมีหินงอก หินย้อย และหนอนเรืองแสงกว่าล้านตัว ซึ่งความมืดของถ้ำทำให้เห็นแสงจากตัวหนอนได้ชัดเจน มองๆแล้วเหมือนกำลังมองดาวบนฟ้ายังไงยังงั้นเลยค่ะ การเข้าชมก็ง่ายๆ แบ่งเป็นรอบ ทุกๆครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีด้วยกัน
 



12 ดินแดนมหัศจรรย์จากทั่วโลกที่คุณเห็นแล้วจะต้องทึ่ง!! ตอนที่4

ทะเลสาบสีแดง ฮัทท์ ลากูน – รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
    รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ถือเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีลากูนสวยๆเพียบ! 1 ในนั้นต้องยกให้ ‘ฮัทท์ ลากูน’ (Hutt Lagoon) สถานที่สุดมหัศจรรย์ที่คุณไม่ควรพลาด! ‘ฮัทท์ ลากูน’ อยู่ใกล้ชายฝั่งทางตอนเหนือของแม่น้ำฮัทท์ ความแปลกของที่นี่คือสีชมพูซึ่งเกิดจากสาหร่าย ส่งผลให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นสีแดงและชมพูอ่อนๆ ยาวขนานไปกับเนินทรายสเวลด้วยความยาวกว่า 14 กิโลเมตร
 

12 ดินแดนมหัศจรรย์จากทั่วโลกที่คุณเห็นแล้วจะต้องทึ่ง!! ตอนที่3

ถ้ำน้ำแข็งสกาฟตาเฟล – ประเทศไอซ์แลนด์
 
    'ถ้ำน้ำแข็งสกาฟตาเฟล’ (Skaftafell Ice Cave) ตั้งอยู่บนทะเลสาบน้ำแข็งอันเกิดจากธารน้ำแข็ง Svínafellsjökull ซึ่งถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ถือเป็นสถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาตินาจุลโก ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ จุดเด่นของ ‘ถ้ำน้ำแข็งสกาฟตาเฟล’ คือผลึกน้ำแข็งสีฟ้าระยิบระยับยามต้องแสงไฟ เป็นสถานที่ๆมีความมหัศจรรย์ น่าตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจมากแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์เลยทีเดียวค่ะ
 

12 ดินแดนมหัศจรรย์จากทั่วโลกที่คุณเห็นแล้วจะต้องทึ่ง!! ตอนที่2

น้ำตกถ้ำนาปาลีโคสต์ – หมู่เกาะฮาวาย
    ใครว่าหมู่เกาะฮาวายมีแต่ทะเล๊ ทะเล คิดใหม่ดีกว่าจ้ะ เพราะที่นี่เค้ามีน้ำตกที่สวยเว่อร์ๆอย่าง ‘น้ำตกถ้ำนาปาลีโคสต์’ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดีที่มีนักท่องเที่ยวแห่กันมาชมมากมาย ด้วยการนั่งเรือ พายเรือคายัคเข้าไปในตัวถ้ำเพื่อชมน้ำตกอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อยเลย
 
    ‘น้ำตกถ้ำนาปาลีโคสต์’ (Na Pali Coast Waterfall Cave) ได้รับการขนานนามว่าสวยที่สุดในหมู่เกาะฮาวาย แถมยังเป็น 1 ในถ้ำทะเลที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาวกว่า 1,155 ฟุต อยู่ทางตะวันตกเฉียงดหนือของเกาะคาวาอิ



12 ดินแดนมหัศจรรย์จากทั่วโลกที่คุณเห็นแล้วจะต้องทึ่ง!!

ก้อนน้ำแข็งสีเทอร์ควอยซ์ – ทะเลสาบไบคาล ประเทศรัสเซีย
    ลุยความหนาวกันที่จุดเยือกแข็ง ณ ‘ทะเลสาบไบคาล’ (Lake Baikal) ทะเลสาบชื่อดังของรัสเซีย แถมยังมีตำแหน่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่และลึกที่สุดในโลกพ่วงมาอีก กับความลึกกว่า 1,640 เมตร ความยาวกว่า 650 กิโลเมตร และเก่าแก่ที่สุดในโลกกว่า 25 ล้านปี ด้วยอายุและตั้งอยู่ห่างไกล (ไซบีเรีย) ทำให้ทะเลสาบไบคาลกลายเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณและเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์น้ำจืดที่มีคุณค่ายิ่ง
 
    ‘ทะเลสาบไบคาล’ เกิดจากน้ำที่เอ่อล้นเข้ามาเต็มรอยเปลือกโลกแตก ในทุกๆช่างฤดูหนาว ทางตอนเหนือของทะเลาสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง ถูกหิมะปกคลุมไปทั่วผิน บางจุดเกิดเป็นก้อนน้ำแข็งเทอร์ควอยซ์สีฟ้าใส สวยงามมากๆ สร้างความตกตะลึงให้กับผู้พบเห็นได้มากทีเดียวค่ะ ปรากฏการณ์น้ำแข็งเทอร์ควอยซ์นี้พบได้ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายนของทุกๆปีนะคะ



Monte Roraima

เขาโรไรมา เป็นภูเขาที่มีลักษณะคล้าบกับโต๊ะขนาดใหญ่ เป็นภูเขาที่กั้นเขตแดนระหว่าง 3 ประเทศอันได้แก่ประเทศเวเนซุเอลา, บราซิล และกายอานา ลักษณะการเกิดของภูเขาลูกนี้ได้รับการพิจารณาว่าเป็นการก่อตัวทางธรณีวิทยาที่เก่าแก่ที่สุดบนโลก มีอายุถึง 2 พันล้านปีนับตั้งแต่ยุคพรีแคมเบรียน
จุดที่สูงสุดของเขาแห่งนี้คือ มาเวอริคร็อค สูงถึง 2,810 เมตร ตั้งอยู่ทางใต้สุดของที่ราบสูงและทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ของเวเนซุเอลา
ในปี 1886 นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ Everard im Thurn ได้หาวิธีปีนขึ้นไปยังภูเขาแห่งนี้ เขาได้ปีนขึ้นไปทางฝัางของประเทศเวเนซุเอลา และต่อมาได้มีนักสำรวจจำนวนมากเดินทางไปสำรวจยังภูเขาแห่งนี้
ปัจจุบันเขาโรไรมาเป็นจุดหมายของเล่านักเดินทางแบ็กแพ็ค นักเดินทางเกือบทั้งหมดจะปีนขึ้นเขาจากฝั่งประเทศเวเนซุเอล่า นักเดินทางส่วนใหญ่จะจ้างคนนำทางชาวอินเดียนเชื้อสายเพมอนจากหมู่บ้านพาไรเทปุย

ความงดงามของกล้วยไม้มีผลต่อการสูญพันธุ์

  
             ในตลาดกล้วยไม้ประเทศไทย กล้วยไม้ที่มีความงดงามสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป แม้จะเป็นกล้วยไม้ที่ถูกนำออกมาจากป่าอย่างผิดกฎหมาย และมีการซื้อขายในพื้นที่โล่ง


จาการศึกษาของศูนย์วิจัยในประเทศอินโดนีเซียพบว่า กล้วยไม้ป่าสายพันธุ์หายากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกนำออกมาจากในตลาดกว่า 347 สายพันธุ์ และหลายสายพันธุ์ที่ถูกขายอยู่ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ อย่างเช่นกล้วยไม้ในสกุลรองเท้านารี ซึ่งการค้าระหว่างประเทศนั้นกล้วยไม้เหล่านี้เป็นสิ่งต้องห้าม
จากฐานข้อมูลใหม่ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) พบว่า 84 สายพันธุ์ของกล้วยไม้ slipper orchids และ Paphiopedilum orchids ถูกเพิ่มในบัญชี และกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Grand-Place de Bruxelles

จัตุรัสหลักแห่งบรัสเซลส์ หรือ กร็อง-ปลัสเดอบรูว์แซล (ฝรั่งเศส: Grand-Place de Bruxelles, คือจัตุรัสกลางบรัสเซลส์ซึ่งรายล้อมด้วยเหล่าอาคารเก่าอันสวยงามและกลมกลืนกันทางสถาปัตยกรรม และถือว่าเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดในโลก โดยเฉพาะออแตลเดอวีล (Hôtel de Ville de Bruxelles) และแมซงดูว์รัว (Maison du Roi) จัตุรัสแห่งนี้ถือเป็นบริเวณที่สำคัญที่สุดในการท่องเที่ยวและยังถือเป็นจุดหมายตาที่สำคัญแห่งหนึ่งของเบลเยียมอีกด้วย กร็อง-ปลัสแห่งนี้มีขนาดความกว้าง 68 เมตร ยาว 110 เมตร


      ทุก ๆ สองปีในเดือนสิงหาคม จะมีการจัดเทศกาลพรมดอกไม้ ซึ่งจัดขึ้นในบริเวณกร็อง-ปลัสแห่งนี้ โดยประกอบด้วยดอกบีโกเนีย (หรือดอกดาดตะกั่ว) ประมาณกว่าห้าแสนต้นจัดเรียงเป็นลวดลายสวยงามบนขนาดกว้าง 24 เมตร ยาว 77 เมตร คิดเป็นพื้นที่ดอกไม้รวมถึง 1,800 ตารางเมตร เทศกาลนี้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1971 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับและคำชมอย่างล้นหลามจนต้องมีการจัดอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบัน ในช่วงเดือนสิงหาคมจึงเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของบรัสเซลส์โดยปริยาย








Manneken Pis

Bruxelles Manneken Pis.jpg
แมนเนเกน พิส (ดัตช์: Manneken Pis; แปลว่า เด็กชายกำลังปัสสาวะ บางครั้งเรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า le Petit Julien แปลว่า จูเลียนน้อย) เป็นน้ำพุขนาดเล็กหล่อด้วยทองแดงเป็นรูปเด็กชายยืนเปลือยกายกำลังปัสสาวะใส่อ่าง มีความสูงประมาณ 61 ซ.ม.  ตั้งอยู่บริเวณทางแยกระหว่างถนน Rue de l'Étuve/Stoofstraat และ Rue du Chêne/Eikstraat ใจกลางกรุงบรัสเซลส์ รูปหล่อปัจจุบันออกแบบโดยเจอโรม ดูเกสนอย ช่างหล่อชาวฝรั่งเศส-ฟลามส์ ถูกนำมาติดตั้งราวปี ค.ศ. 1618 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเบลเยียม
มีตำนานเล่าว่า รูปปั้นนี้เดิมสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ด้วยหินแกะสลัก ในขณะนั้นบรัสเซลส์อยู่ท่ามกลางสงคราม และถูกฝ่ายตรงข้ามนำระเบิดมาวางไว้ที่กำแพงเมือง เด็กชายคนหนึ่งชื่อ จูเลียนสกี (Julianske) มาพบสายชนวนระเบิดกำลังติดไฟ จึงปัสสาวะรดเพื่อดับชนวนและป้องกันเมืองไว้ได้ ชาวเมืองจึงทำรูปแกะสลักนี้ไว้เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญ ต่อมารูปสลักนี้ถูกขโมยสูญหายไปหลายครั้ง จึงถูกแทนที่รูปหล่อตัวปัจจุบัน ที่ออกแบบโดยเจอโรม ดูเกสนอย ในปี ค.ศ. 1618
ในปัจจุบัน เทศบาลเมืองบรัสเซลส์ได้จัดเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ บางช่วงจะมีการจัดเครื่องแต่งกายพื้นเมืองต่างๆ สวมให้กับรูปปั้นนี้ โดยในช่วงเวลาปกติรูปปั้นนี้จะอยู่ในสภาพเปลือยกาย