หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

แอนตาร์กติกการ์ เป็นที่ ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก

ThisYouKnow-106

Nike คือเทพธิดาแห่งชัยชนะ ในเทพปกรณัมกรีก หากไนกี้ยิ้ม

ThisYouKnow-146

อัลเฟรด โนเบล ผู้ให้กำเนิดรางวัลโนเบล

ThisYouKnow-78

“ถั่ว” คือต้นกำเนิดของรางวัล … โนเบล

ThisYouKnow-93

รถเต่าเป็นรถที่ออกแบบตามแนวคิด ไอเดียของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

ThisYouKnow-129

หากผึ้งสูญพันธุ์ มนุษย์เราก็จะสูญพันธ์ุภายใน 4 ปีให้หลัง

ThisYouKnow-195

“ลดเกลือ” ช่วย “ลดกรน”

ThisYouKnow-197

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก

ทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก คือ ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย (Trans-Siberian Railway) นี้มีความยาวมากถึง 9,289 กิโลเมตร หรือ 5,772 ไมล์ ทางรถไฟสายนี้พาดผ่านเมืองและดินแดนต่างๆมากมาย เริ่มตั้งแต่กรุงมอสโกของรัสเซีย ไปยังเขตตะวันออกไกลและทะเลญี่ปุ่น มีสายย่อยเชื่อมต่อไปยังมองโกเลีย จีนและเกาหลีเหนือ ปัจจุบันเป็นจุดเชื่อมต่อหลักระหว่างกรุงมอสโกและเมืองวลาดิวอสต๊อค
ทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก
ทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลกสายนี้ถึงแม้จะยาวมาก แต่ก็มีจุดจอดไม่มาก เพื่อร่นระยะเวลาในการเดินทาง แต่กระนั้นการเดินทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่กรุงมอสโกไปยังปลายทางที่เมืองวลาดิวอสต๊อค ก็ยังใช้เวลาถึง 7 วัน   เมืองสำคัญต่างๆที่ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรียผ่านเช่น มอสโก วลาดิเมียร์ นิจนีนอฟโกรอด คิรอฟ เยคาเตรินบุร์ก โนโวซีบีสค์ ชุมทางสายมองโกเลีย ชุมทางสายแมนคูเรียน คาบารอฟสค์ และวลาดิวอสต๊อค เป็นต้น  ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย เริ่มต้นการก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1891 โดยการดำริของพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย และเริ่มเปิดให้บริการในช่วงแรกเมื่อปี ค.ศ. 1916

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

Tarot


tarot เป็นไพ่ชนิดหนึ่ง เป็นที่รู้จักตั้งแต่ พุทธศตวรรษที่ 20 แต่ลักษณะไพ่ไม่เหมือนในปัจจุบัน กระทั่งพุทธศตวรรษที่ 23 ในทวีปยุโรปนั้นไพ่ทาโรต์แพร่หลายในรูปแบบของเกมการละเล่น เช่น Italian Tarocchini และ French Tarot แต่ในพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของภาษาอังกฤษนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องมือในการทำนายโชคชะตามากกว่า ไพ่ทาโรต์แบบที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดคือ Rider-Waite ซึ่งวาดโดย พาเมลา โคลแมน สมิธ (Pamela Colman Smith) ตามการออกแบบของ อาเธอร์ เอ็ดเวิร์ด เวท (Arthur Edward Waite) และเผยแพร่โดยบริษัทไรเดอร์ (Rider Company) ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2452 แต่ก็มีไพ่ทาโรต์รูปแบบอื่นๆซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ด้วยเช่นกัน เช่น ธอธทาโรต์ (Thoth tarot) ซึ่งวาดโดย ฟรีดา แฮริส (Frieda Harris) และออกแบบโดย อเลสเตอร์ โครวลีย์ (Aleister Crowley)
ไพ่จะมีลักษณะคล้ายกับไพ่ป๊อกที่ใช้เล่นกันตามปัจจุบัน แต่แยกออกเป็น 2 ชนิด คือ สำรับใหญ่ (Major Arcana) ซึ่งประกอบด้วยไพ่ 22 ใบ และสำรับเล็ก (Minor Arcana) 56 ใบ ไพ่แต่ละใบมีสัญลักษณ์ประจำ การอ่านไพ่ขึ้นอยู่หลายปัจจัย อย่างแรก ดูจากความหมายของสัญลักษณ์ของตัวไพ่ และอีกประการหนึ่งคือ อ่านรวมกับไพ่ใบอื่นโดยดูจากตำแหน่งของไพ่ ไพ่ทาโรต์มีหลายแบบและได้รับความนิยม เนื่องจากความไม่ยุ่งยากในการอ่านไพ่ที่มีสัญลักษณ์บอกความหมายอยู่แล้ว
ในประเทศไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยที่จะเรียก "ไพ่ทาโรต์" ว่า "ไพ่ยิปซี" โดยอิงตามความเชื่อที่ว่าชาวยิปซีเป็นผู้เผยแพร่ศาสตร์ประเภทนี้ ทว่าไพ่ทั้งสองกลุ่มจัดเป็นไพ่คนละประเภทกัน
ไพ่ทาโรต์ Raider-Waite ซึ่งเป็นรูปแบบที่แพร่หลายที่สุดมีไพ่ทั้งหมด78ใบ แบ่งออกเป็น ชุดใหญ่ หรือ เมเจอร์อาคาน่า 22ใบ และ ชุดย่อย หรือ ไมเนอร์อาคาน่า 56ใบ อย่างไรก็ตาม ไพ่ทาโรต์บางชุดอาจมีจำนวนและรูปแบบของไพ่ที่แตกต่างออกไป บางครั้งศิลปินจะวาดเพียงไพ่เมเจอร์อาคาร์นาเท่านั้น
ไพ่เมเจอร์อาคาร์นานั้นเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งต่างๆในชีวิตมนุษย์ ซึ่งการตีความในลักษณะนี้เรียกว่า Fool's Journey ซึ่งในสำรับ Rider-Waite นั้น มีเมเจอร์อาคาร์นาเรียงตามหมายเลขดังต่อไปนี้
ส่วนไมเนอร์อาคาร์นาได้เรียงลำดำคล้ายกับไพ่ป๊อกและไพ่นั้นสามารถนำมาทำนายโดยไพ่ป๊อกได้ยังสามารถสื่อถึงธาตุหลักทั้ง 4 แต่มี Knight เพิ่มเข้ามาทำให้เป็น 14 ใบ และมีหน้าของไพ่ ดังนี้
หน้าไพ่ทาโรต์หน้าไพ่ป๊อกธาตุหลักฐานะความหมาย
Wands (ไม้คทา)ดอกจิกไฟชาวนา, ชาวไร่ (Peasantry)ความคิดสร้างสรรค์ และ ความมุ่งมั่น
Coins/Pentacles (เหรียญ)ข้าวหลามตัดดินพ่อค้า (Merchants)ทรัพย์สิน
Cups (ถ้วย/แก้วน้ำ)โพแดงน้ำชนชั้นนักบวช (Clergy)อารมณ์ และ ความรัก
Swords (ดาบ)โพดำลมขุนนาง และ การทหารผล หรือ เหตุ
โดยทั้งหมดนี้เรียงตามหน้าไพ่ป๊อก เป็น เอซ(A), 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 และเป็นไพ่บุคคล เป็น Page(Jack), Knight, Queen, King
ผู้ทำนายไพ่ทาโรต์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ มารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ (Marie-Anne Adelaide Lenormand) เกิดในฝรั่งเศส ปี พ.ศ. 2315 เธอมีความสามารถพิเศษหลายประการในการทำนายได้อย่างแม่นยำ ความสามารถในการทำนายไพ่ของเธอ ทำให้เธอได้เป็นที่ปรึกษาของจักรพรรดินีโฌเซฟีน (Josephine) เธอทำนายเหตุการณ์สำคัญๆหลายเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ เธอร่ำรวยและเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เธอเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2386 เร็วกว่าที่เธอทำนายไว้ เธอทำนายไว้ว่าการตายของเธอเกี่ยวพันกับการมาของนกจำพวกกา แต่เธอตายด้วยโรคหัวใจวายหลังจากเห็นนกพิราบบินเข้ามาในห้อง เนื่องจากสายตาไม่ดีจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนกกา


Marie-Anne Adelaide Lenormand

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

churros


churros หรือบางครั้งเรียกว่า "ปาท่องโก๋สเปน" และ "โดนัทสเปน" เป็นแป้งทอดโรยน้ำตาล มีลักษณะยาวเป็นแท่ง ๆ นิยมรับประทานในสเปน ฝรั่งเศส ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส และสหรัฐอเมริกา โดยมากในสเปน นิยมจุ่มกับช็อกโกแลตร้อนหรือกาแฟนมเมื่อรับประทาน ชาวสเปนนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า





วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

Vichy

  เมืองวิชชี่ (Vichy) ตั้งอยู่ในแค้วน Auvergne ซึ่งตั้งอยุ่ตรงใจกลางประเทศฝรั่งเศส ถ้าพูดถึงวิชชี่นั้นก็คุ้นหูชาวไทยอยุ่ไม่น้อย  ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินรือรู้จักกับผลิตภัณธ์เวชสำอางค์แบรนด์ดังจากฝรั่งเศสนามว่า Vichy นั่นเอง  เวชสำอางค์แบรนด์วิชชี่นี้มีต้นกำเนิดมาจากการใช้น้ำแร่ธรรมชาติที่เมืองวิชชี่มาเป็นส่วนหนึ่งของส่วนผสมในผลิตภัณธ์   เมืองวิชชี่ (Vichy)เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของชาวยุโรปหรือชาวอเมริกันก็เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งต้นกำเนิดของบ่อน้ำแร่ธรรมชาติมากมายหลายบ่อ โด่งดังถึงขนาดผู้คนในอดีตยุคก่อนสงครามโลกพากันหลั่งไหลมารับการรักษาตัวด้วยการใช้น้ำแร่บริสุทธิ์บำบัดมากมายเนืองแน่นทุกๆปี  นอกจากวิชชี่จะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านบ่อน้ำแร่ธรรมชาติแล้ว เมืองวิชชี่ก็เป็นเมืองที่มีประวัติศาตร์ยาวนานและครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศฝรั่งเศสในช่วงสงครามครั้งที่ 2 ด้วยนะคะ นับว่าเมืองวิชชี่มีประวัติน่าสนใจที่เดียว 



ส่วนการเดินทางมาเมืองวิชชี่ นั้นไม่ยากคะ ถ้าเราขับรถยนต์ส่วนตัวนั้นใช้ถนน auto route หรือทางไฮเวย์จากปารีสมาถึงวิชชี่ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.กว่า หรือถ้าจะเดินทางใช้รถไฟ TGV ก็ไปขึ้นที่สถานนีขนส่ง Gare du Lyon ใช้เวลาประมาณแค่ 3 ชม. กว่าเอง แต่ทริปนี้เราใช้เวลามาเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็เที่ยวทั่วเมืองวิชชี่แล้วนะคะ เพราะที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ค่อนข้างสงบ โดยส่วนมากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นยุโรเปียน หรือเมริกันมากกว่าที่นิยมแวะมาเที่ยวกัน จะหาหัวดำๆอย่างชะนีแคระน้อยมากเลย

เมืองวิชชี่เคยรุ่งเรื่องมากในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส คล้ายๆว่าเมืองนี้จะเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศของเหล่าขุนนาง ไฮโซเซเลป ที่นี่จึงมีสถาปัตยกรรมมากมายครบถ้วนตามสไตย์คนฝรั่งเศสไม่ว่าจะเป็นโรงละครโอเปร่า คาสิโน รวมถึงบ้านพักตากอากาศ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งวันนี้เราจะเดินชมเก็บภาพรอบเมืองมาให้ท่านผู้อ่านได้ชมกัน  โดยเฉพาะนี้เลยคะบ้านพักตากอากาศของพระเจ้านโปเลียนที่ 3  ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นบ้านพักตากอากาศของเหล่าเซเลปไปเรียบร้อยแล้วนะคะ




                                    บ้านพักตากอากาศของพระเจ้านโปเลียนที่ 3
เราลองไปเที่ยวย่านจัตรุัสสวนกลางเมืองวิชชี่กันบ้างนะคะ เมื่อสมัยนโปลิเลียนที่ 3 ที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งพบประสังสรรค์ของผู้คนในเมือง มีการแสดงละเล่นต่างๆมากมาย ปัจจุบันก็ตามรูปเลยนะคะ อาจจะเป็นยังค่อนข้างเช้าผู้คนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

มีบริการรถพาชมเที่ยวรอบเมือง
จุดนี้เป็นจุดพบประสังสรรค์ของคนในเมือง


สถานที่ต่อไปที่เราจะพาท่านผู้อ่านไปรุ้จักกันนะคะ Aux source de Vichy des Célestin aux capucins ซึ่งมันก็คือสถานบำบัดรักษาผู้ป่วยด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ โดยผู้ป่วยที่มารักษาที่นี่วิธี่การรักษาก็จะใช้ธรรมชาติบำบัดใช้วิธีการดื่มเฉพาะแค่น้ำแร่เท่านั้น ซึ่งสมัยก่อนเป็นที่นิยมมากขนาดมีผู้ป่วยจากทั่วยุโรปเดินทางมารับการรักษาอย่างเนื่องแน่นทีเดียว ซึ่งเค้ามีส่วนที่เปิดฟรีให้ประชาชนสามารถได้ลองมาดื่มน้ำแร่ และกรอกน้ำแร่กลับบ้านได้ด้วย เดี่ยวเราจะพาไปชมบ่อน้ำแร่ธรรมชาติกันนะคะ ถ้าใครมาวิชชี่ไม่ได้ลองมาดูบ่อน้ำแร่ หรือได้ลองชิมน้ำแร่กันแล้ว เค้าว่ามาไม่ถึงวิชชี่กันนะคะ



สถานบำบัดรักษาผู้ป่วยด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ

บ่อน้ำแร่มากมากมายหลายบ่อให้เราสามารถทดลองดืมกันได้ฟรี

ตย.ชื่อบ่อน้ำแร่ ซึ่งจะมีมากมายหลายชื่อ 

บ่อน้ำแร่
ซึ่งหลังจากที่ชะนีแคระได้ลองชิมแวว แต่ละบ่อรสชาติของน้ำก็จะไม่เหมือนกันนะคะ ถามผู้รู้เค้าบอกการรักษาบำบัดด้วยน้ำแร่ที่นี่จะขึ้นอยุ่กับโรคที่เจ็บป่วยการดื่มก็จะดื่มจากบ่อแต่ละบ่อในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ที่สำคัญเค้าบอกมาว่าการดื่มน้ำแร่จากวิชชี่จะทำให้สุขภาพดี อายุยืนนาน โดยเฉพาะสาวๆ จะไม่แก่ หรือแก่ช้า พอชะนีแคระได้ยินเท่านั้นกรอกขนกลับบ้านไปหลายขวด แต่ขอบอกรสชาติมันฝึดเฝือนมากคะ เพราะมันมีกลิ่นกำมะถันเจอปน แต่อย่างว่าเพื่อความงามชะนีแคระยอมคะ มิน่าที่เมืองวิชชี่นี่ถึงมีแต่ผู้เถ้าผู้แก่กันทั้งเมือง ชาวเมืองเค้าเชื่อกันจริงๆนะคะว่าคนที่ดื่มน้ำแร่บ่อยๆจะทำให้อายุยืนนาน


จากที่เคยเกริ่นไปตอนต้นว่าวิชชี่นั้นเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  นั้นก่อนอื่นต้องเล่าประวัติศาสตร์คร่าวๆก่อนว่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากฝ่ายนาซีเยอรมันได้มีชัยชนะเหนือฝรั่งเศสแล้ว ฝรั่งเศสเลยถูกบีบให้ต้องเข้าร่วมเป็นฝ่ายอักษะด้วยร่วมรบกับเยอรมัน และเยอรมันก็ได้แบ่งการปกครองฝรั่งเศสออกเป็น 2 ส่วนคือ ฝรั่งเศสส่วนบนถูกปกครองโดยรัฐบาลนาซีเยอรมัน ส่วนฝรั่งเศสตอนใต้ตั้งแต่วิชชี่ลงมาถึงใต้สุดประเทศ รัฐบาลฝรั่งเศสปกครองซึ่งผู้ปครองมีอำนาจสูงสุดขณะนั้นของฝรั่งเศสคือจอมพลเปตา ซึ่งเค้าได้เลือกที่จะตั้งศูนย์ราชการเขตการปกคองที่เมืองวิชชี่ ซึ่งสถานที่ต่อไปที่เราจะพาท่านผู้อ่านไปรุ้จักกันก็คือCapital de l'Etat Français ซึ่งครั้งหนึ่งที่นี่เปตาเคยใช้เป็นที่ว่าราชการเขตปกครองฝรั่งเศสขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็ได้กลายเป็นโรงแรม 5 ดาวไปแล้ว

ที่นี่เคยเป็นที่ว่าการาชการของเปตาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
 ในสมัยนั้นรัฐบาลภายใต้เปตาปกครองฝรั่งเศสได้ทำสนธิสัญญากับเยอรมันว่าจะส่งชาวยิวมากกว่า 10000 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กมากกว่า 6500 คนถูกส่งไปค้ายกักกันยิวที่เอาชวิตช์ ประเทศโปแลนด์ แน่นอนที่สุด เด็กเล็กๆเหล่านี้ตายทันทีที่ไปถึงค่ายกักกัน ถูกฆ่าตายด้วยการรมแก็ส ซึ่งน้อยมากที่จะรอดชีวิตกลับมา และสี่งนี้เองที่เป็นเหมือนตราบาปของชาวฝรั่งเศส ดังนั้นชาวฝรั่งเศสจึงได้ทำป้ายเป็นอนุสรณ์ถึงความโหดร้ายของสงครามและก็เตือนใจให้เห็นถึงความผิดพลาดต่อนโยบายทางการเมืองของฝรั่งเศสขณะนั้น และแน่นอนที่สุดนายพลเปตา ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต และเสียชีวิตภายในคุกหลังจากสงครามโลกได้จบลง
อนุเสาวรีย์ที่ได้เล่าถึงเหตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นความโหดร้ายของสงคราม
หลังจากที่ได้เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ก็รุ้สึกหดหู่ดังนั้นเบรคอารมณ์ท่านผุ้อ่านด้วยการพาไปช็อปปิ้งในเมืองวิชชีกันดีกว่านะคะ จะว่าไปแววเมืองวิชชี่ถือว่าเป็นสวรรค์ของเหล่านักช็อปเลยก็ว่าได้ เพราะปกติร้านรวงต่างๆในฝรั่งเศสจะต้องปิดทำการในวันอาทิตย์ แต่ที่เมืองวิชชี่ได้รับการยกเว้นจากกฏหมายพิเศษคะ ขาช็อปอย่างเราเลยสบายสามารถช็อปปิ้งในวันอาทิตย์ได้คะที่นี่  ส่วนร้านรวงต่างๆก็มีหลากหลายแบรนด์มากมาย มีให้นักท่องเที่ยวได้ช็อปกระเป๋าฉีกไปตามๆกันคะ ในระหว่างเดินช็อปปิงอยุ่ก็นี่เลยคะพบคุณพี่กะคุณลุงฝรั่งเศสแต่งตัวย้อนยุคของชาวเมืองวิชชี่ในสมัยก่อนมาแจกโบรชัวร้านอาหารคะ ชะนีแคระเลยเก็บภาพมาฝากกันคะได้อารมณ์ย้อนยุคดี



ถนนแห่งการช็อปปิ้ง
แต่งกายย้อนยุค
ถ้าถามว่าของฝากขึ้นหน้าขึ้นตาหรือสินค้าโอท็อปของชาววิชชี่คืออะไรก็นี่เลยคะ ลูกอมวิชชี่ ลูกอมสีขาวๆ แก้เจ็บคอ มาแล้วห้ามพลาดซื้อกลับเป็นของขวัญของฝากกันนะคะ

ลุกอมวิชชี
สุดท้ายนี้เมืองวิชชี่ เป็นเมืองเล็กๆน่ารัก อบอุ่น ผู้คนเป็นกันเอง โดยเฉพาะที่นี่มีผู้เฒ่าผุ้แก่เยอะมากนับว่าเป็นเมืองที่เงียบสงบแถมมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจทีเดียว และเป็นอีกเมืองที่เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการมาพักผ่อนสไตย์ครอบครัวที่ไม่อยากไปที่ซ้ำซากจำเจ เพียงแค่วันเดียวเราก็สามารถเที่ยวได้ทั่วเมืองแล้ว